หลังคาสแนปล็อคเป็นที่นิยมใช้ในอาคารสมัยใหม่ เช่น บ้านที่พักอาศัย โรงงานอุตสาหกรรม และอาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เนื่องจากความสามารถในการติดตั้งที่รวดเร็วและมีความทนทานสูง นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานกับรูปแบบหลังคาที่หลากหลายและมีความยืดหยุ่นในการออกแบบให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้งานได้ดี
Share
หมวดหมู่ : เมทัลชีท สแน๊ปบล็อค ,  หลังคาพียูโฟม ,  หลังคาเมทัลชีท , 
Share
หลังคาสแนปล็อค (Snap Lock Roofing) เป็นระบบติดตั้งที่ใช้กลไกล็อกแบบพิเศษ ช่วยให้ติดตั้งง่าย รวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้สกรูหรือน็อต ทำให้ได้หลังคาที่ดูเรียบเนียนและลดปัญหาน้ำรั่วซึม
อายุการใช้งานยาวนาน: ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทำให้ทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรง
ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม: ความทนทานที่มากกว่า ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาว
ระบบการติดตั้งแบบซ่อนสกรู: ไม่มีรูเจาะที่พื้นผิว ลดปัญหาน้ำรั่วซึม
ประสิทธิภาพการระบายน้ำดีเยี่ยม: ออกแบบให้ระบายน้ำได้รวดเร็ว ป้องกันน้ำขัง
ดีไซน์ทันสมัย: เรียบง่ายแต่หรูหรา เข้ากับการออกแบบบ้านหลากหลายสไตล์
เพิ่มมูลค่าให้กับบ้าน: สร้างความประทับใจและเพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน
มีสีสันและรูปแบบให้เลือกหลากหลาย: ตอบโจทย์ทุกสไตล์การออกแบบ
น้ำหนักเบา: ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว ลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง
ประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย: ใช้กับหลังคา ผนัง และส่วนอื่นๆ ของบ้าน
เหมาะกับอาคารหลากหลายประเภท: ใช้ได้ทั้งบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ และโรงงาน
คุ้มค่าในระยะยาว: แม้ราคาเริ่มต้นสูงกว่า แต่ความทนทานและอายุการใช้งานที่ยาวนานทำให้คุ้มค่ากว่า
ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา: ความทนทานที่มากกว่า ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
สามารถใช้กับบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ โรงงาน และสามารถติดตั้งเป็นผนังทั้งภายนอกและภายในเพื่อเพิ่มดีไซน์ที่โดดเด่น
ระบบหลังคาเมทัลชีทแบบสแนปล็อคได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในงานก่อสร้างหลากหลายประเภท ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นด้านความแข็งแรงทนทาน ติดตั้งง่าย และรูปลักษณ์ที่ทันสมัย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้หลังคาสามารถมอบความสะดวกสบายและประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานได้อย่างเต็มที่ การติดตั้งฉนวนกันความร้อนจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น การเลือกชนิดของฉนวนกันความร้อนที่เหมาะสมจึงมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอุณหภูมิภายในอาคาร ลดการใช้พลังงานของระบบปรับอากาศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งาน
การติดตั้งฉนวนพีอีโฟม (PE FOAM) เข้ากับลอนสแนปล็อคเป็นวิธีหนึ่งในการเพิ่มคุณสมบัติการกันความร้อนและความสามารถในการลดเสียงรบกวนให้กับหลังคา โดยทั่วไป ฉนวนพีอีโฟมที่ใช้จะมีขนาดความหนาตั้งแต่ 5 มิลลิเมตร ถึง 10 มิลลิเมตร ลักษณะเด่นของฉนวนชนิดนี้คือเป็นแผ่นโฟมที่มีแผ่นฟอยล์บางๆ หุ้มอยู่ด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้าน แผ่นฟอยล์มีหน้าที่หลักในการสะท้อนรังสีความร้อน ในขณะที่ชั้นโฟมช่วยชะลอการนำความร้อนผ่านตัววัสดุ
ถึงแม้ว่าฉนวนพีอีโฟมจะเป็นทางเลือกที่มีราคาค่อนข้างประหยัดและสามารถช่วยลดความร้อนและเสียงรบกวนจากฝนตกได้ในระดับหนึ่ง แต่ด้วยโครงสร้างและความหนาแน่นที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับพียูโฟม ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนและลดเสียงอาจไม่สูงเท่าที่ควร เหมาะสำหรับอาคารที่ไม่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิอย่างเข้มงวดมากนัก
การติดตั้งฉนวนพียูโฟม (PU FOAM) เข้ากับลอนสแนปล็อคเป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยคุณสมบัติที่เป็นเลิศด้านการป้องกันความร้อนและลดเสียงรบกวน โดยทั่วไป ฉนวนพียูโฟมจะถูกติดตั้งโดยการฉีดพ่นโฟมเหลวเข้าไประหว่างแผ่นเมทัลชีทและแผ่นปิดท้องของลอนสแนปล็อค ทำให้เกิดการยึดเกาะที่แข็งแรงและครอบคลุมพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง โดยความหนาของฉนวนพียูโฟมที่นิยมใช้จะอยู่ที่ประมาณ 1 นิ้ว ถึง 2 นิ้ว
พียูโฟมมีค่าความเป็นฉนวนความร้อนสูง (Low Thermal Conductivity) และช่วยลดเสียงรบกวนได้ดีเยี่ยม
ลอนสแนปล็อคแบบติดฉนวนพียูโฟมแซนวิชเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มอบประสิทธิภาพและความแข็งแรงที่เหนือกว่า โดยลักษณะของฉนวนกันความร้อนพียูโฟมในรูปแบบนี้คือการฉีดโฟมเข้าไประหว่างแผ่นเมทัลชีทสองแผ่น ได้แก่ แผ่นบนและแผ่นล่างสำหรับปิดท้อง ทำให้เกิดเป็นแผ่นหลังคาสำเร็จรูปที่มีฉนวนพียูโฟมเป็นแกนกลาง
การเลือกใช้ฉนวนพียูโฟมในระบบหลังคาเมทัลชีทแบบสแนปล็อค ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการฉีดพ่น หรือแบบแผ่นแซนวิช ล้วนเป็นทางเลือกที่ให้ประสิทธิภาพและความทนทานที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับฉนวนพีอีโฟม ด้วยคุณสมบัติเด่นด้านการป้องกันความร้อนที่สูง การลดเสียงรบกวนที่ดีเยี่ยม ความแข็งแรงทนทาน และอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทำให้พียูโฟมเป็นวัสดุฉนวนที่คุ้มค่าสำหรับการลงทุนในระยะยาว ช่วยให้คุณประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่ายด้านเครื่องปรับอากาศ และสร้างสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่สะดวกสบายและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น การเลือกรูปแบบของฉนวนพียูโฟมที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการ งบประมาณ และลักษณะการใช้งานของอาคารแต่ละประเภท